เมื่อกล่าวถึงปราสาทสวยวิจิตรที่สุดในยุโรป ” Castel del Monte ” เป็นชื่อหนึ่งที่ละเว้นไม่ได้ โครงสร้างรูปแปดเหลี่ยมแปลกตา ทำให้ปราสาทหินในอิตาลีหลังนี้โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ปราสาทแปดเหลี่ยม (Castel del Monte) สร้างขึ้นอย่างเฉพาะเจาะจงให้เป็นที่ประทับระหว่างล่าสัตว์ของกษัตริย์เฟรเดอริคที่ 2 ช่วงทศตวรรษที่ 13 ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า บริเวณดังกล่าวในสมัยก่อนเป็นป่ารกชัฏ แตกต่างจากปัจจุบันที่มีต้นไม้เพียงประปราย ปราสาทสร้างขึ้นบนเนินเขาสูง 540 เมตร ห่างจากเมืองอันเดรีย ในจังหวัดบารี ทางตอนใต้อิตาลี ประมาณ 18 กิโลเมตร ตัวปราสาทตั้งตระหง่านปราศจากกำแพง หรือป้อมปราการล้อมรอบ นักท่องเที่ยวที่ขับรถยนต์ไปเยี่ยมชมจะมองเห็นปราสาทหินอ่อนสีขาวตัดกับท้องฟ้าสีครามถนัดตาจากระยะไกล
ปราสาทออกแบบตามสถาปัตยกรรมกอธิกยุคแรก ซึ่งมีให้เห็นจำนวนมากในภาคใต้ของอิตาลี โครงสร้างรูปทรงแปดเหลี่ยมลักษณะเป็นป้อมปราการแข็งแกร่ง แต่ละด้านวัดความยาวได้ 16.50 เมตร แต่ละมุมมีหอคอยความสูง 25 เมตร รวม 8 หอคอย สัดส่วนรับกันเหมาะเจาะพอดี ประตูทางเข้าปราสาททำซุ้มขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ส่วนหน้าของอาคารทางซีกตะวันออก สะท้อนอิทธิพลของศิลปะกอธิกชัดเจน มีสิงโตสองตัวบนหัวเสา รูปสามเหลี่ยมของคานประตูบนมีหินกั้นไม่ให้น้ำหยดลงมาจากหลังคา แต่ยังคงมีองค์ประกอบบางส่วน ที่แสดงถึงแรงบันดาลใจจากศิลปะยุคคลาสสิก
ปราสาทสร้างจากหินอ่อนทั้งหลัง หลังคาทรงโค้งกรอบหน้าต่าง และลวดลายตกแต่งสวยงามอลังการ มีประติมากรรมตกแต่งทั่วปราสาท รวมทั้งการจัดวางระบบท่อน้ำที่น่าสนใจ ไม่น่าแปลกใจ เมื่อองค์การยูเนสโกยกปราสาทแห่งนี้ เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1996 โดยจัดเป็นสถาปัตยกรรมทางด้านการทหารยุคกลาง ที่สวยแปลกไม่มีที่ใดเสมอเหมือน เพราะจับเอาศิลปกรรมคลาสสิกยุคโบราณ ศิลปะแบบมุสลิม และศิลปะสไตล์กอธิกของยุโรป มาผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นสไตล์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ปราสาทแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ออกแบบห้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูเนื้อที่เท่ากัน ชั้นล่าง 8 ห้อง มีระเบียงทางเดินระหว่างหอคอยเชื่อมต่อกันโดยรอบ หน้าต่างใหญ่หลายบาน รับแสงจากภายนอกผ่านเข้าไปส่องสว่างภายใน เดินผ่านประตูใหญ่เข้าไป ห้องแรกและห้องที่สองมีประตูเชื่อมถึงกัน แยกต่างหากจากอีก 6 ห้องที่เหลือ สองห้องแรกนั่นเคยใช้เป็นห้องรองรับด้านหน้าคั่นระหว่างประตูด้านนอกและห้องชั้นใน
เดินผ่านประตูห้องที่สองจนถึงลานกว้างกลางปราสาท จึงสามารถเดินเข้าไปชมห้องอื่นที่เหลือได้ ประตูของห้องที่สองเป็นศิลปะสไตล์กอธิก ตกแต่งด้วยหินก้อนแหลมเหมือนปะการัง มีซุ้มประตูปลายแหลมสองชั้นเหนือกระจกหน้าต่าง ตีกรอบไม้แบ่งกระจกออกเป็นช่องๆ ปรากฏชัดว่าเป็นอิทธิพลศิลปะแบบมุสลิม จำนวนห้อง 16 ห้อง ภายในปราสาทประดับรูปสลักอยู่ทั่วไป มีรูปสลักยุคกลางและรูปสลักยุคใหม่สไตล์กอธิกของยุโรป และผสมด้วยอิทธิพลของศิลปะจากโลกอาหรับ
ตรงกลางปราสาทเป็นลานกว้างแบบเปิดโล่ง จากจุดนี้เงยหน้ามองชั้นบนจะเห็นหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ 3 บาน สไตล์ศิลปะยุคคลาสสิก มีเสากลม 2 เสา ขนาบเป็นกรอบหน้าต่าง สลักหัวเสารูปดอกบัวรองรับซุ้มโค้งข้างบน ภายในหอคอยมีบันไดวนขึ้นชั้นที่สอง ห้องชั้นบนสว่างกว่า ตกแต่งประณีตบรรจงกว่าชั้นล่าง หลังคารูปโดมมีเสาค้ำยันแบบ 3 เสา หรือเรียกว่า ไตร-สไตล์ หัวเสาสลักรูปใบไม้สวยงามประดับผนังด้วยหินอ่อนชนิดไม่บริสุทธิ์ มีสีเขียวและขาว เป็นชั้นๆ สวยงามมาก บนหอคอยมีห้องเป็นของนักฝึกเหยี่ยวล่าเหยื่อ ห้องหนึ่งเคยใช้เป็นสถานที่เลี้ยงนกของผู้ฝึกเหยี่ยว ภายในหอคอยประดับหน้ากากหล่อจากแม่พิมพ์สไตล์คลาสสิกงามวิจิตร ชิ้นหนึ่งเป็นใบหน้าของสตรี อีกชิ้นเป็นใบหน้าของของฟอน หรือเทพมีใบหน้าเป็นคน แต่มีหู เขา หาง และขาหลังเป็นแพะ
ปราสาท Castel del Monte หลังนี้ ก่อสร้างขึ้นโดยใช้เลข 8 เป็นแนวทางในการออกแบบ นับตั้งแต่อาคารรูปแปดเหลี่ยมด้านเท่า มีหอคอย 8 หอคอย ซึ่งมีรูปแปดเหลี่ยมเช่นกัน ชั้นล่างแบ่งออกเป็น 8 ห้อง ชั้นบนอีก 8 ห้อง ลานกว้างกลางปราสาทก็เป็นรูปแปดเหลี่ยม ความลับของเลข 8 ยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่มีใครค้นหาคำตอบได้ คาดกันว่าคงไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญเป็นแน่ และมีการตั้งข้อสังเกตว่า กษัตริย์เฟรดเดอริค อาจจะเชื่อโชคลางบางอย่างเกี่ยวกับตัวเลขนี้ก็เป็นได้
ความสวยงามบวกกับความพิศวงนี่เอง ทำให้ปราสาทรูปแปดเหลี่ยม ” Castel del Monte ” ของอิตาลี ติดอันดับรายชื่อสถานที่ “ต้องไปเที่ยวชม” สักครั้งหนึ่งในชีวิตของบรรดานักท่องโลกทั้งหลาย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น