หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สาระน่ารู้ เที่ยวฮังการี

ประเทศฮังการี (Hungary) เป็นประเทศในภูมิภาคยุโรปกลางที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีอาณาเขตจรดประเทศออสเตรีย สโลวาเกีย ยูเครน โรมาเนีย เซอร์เบีย โครเอเชีย และสโลวีเนีย ในท้องถิ่นเป็นที่รู้จักว่า “ประเทศของชาวแมกยาร์” (Country of the Magyars) 
สาระน่ารู้ เที่ยวฮังการี  
ข้อมูลเบื้องต้น : ภูมิประเทศฮังการี
ที่ตั้ง ทิศเหนือ ติดกับสโลวัก และยูเครน
ทิศใต้ ติดกับเซอร์เบีย-มอนเตนิโกร และโครเอเทีย
ทิศตะวันตก ติดกับออสเตรีย และสโลวีเนีย
ทิศตะวันออก ติดกับโรมาเนีย
ประชากร 10 ล้านคน (2542)
สาระน่ารู้ เที่ยวฮังการี
เมืองหลวง : กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) มีประชากรประมาณ 2 ล้านคน
ภาษา ภาษาราชการ-ฮังกาเรียน
ภาษาธุรกิจ-ฮังกาเรียน อังกฤษ เยอรมัน
ภูมิอากาศ :
หน้าหนาว (ตุลาคม-มีนาคม) 3 ถึง -10 องศาเซลเซียส
หน้าร้อน (พฤษภาคม-สิงหาคม) 25-35 องศาเซลเซียส
สกุลเงิน โฟรินท์ (Forint)
อัตราแลกเปลี่ยน (ตุลาคม 2556) :
220 โฟรินท์ = 1 เหรียญสหรัฐ
7 โฟรินท์ = 1 บาท
สาระน่ารู้ เที่ยวฮังการี
การเข้าประเทศ - ผู้ถือหนังสือเดินทางทูต/ราชการ ไม่ต้องขอวีซ่า โดยสามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน

ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา - ต้องขอวีซ่าที่สถานเอกอัครราชทูตฮังการีประจำประเทศไทย
ข้อควรระวัง – กรุงบูดาเปสต์เป็นเมืองที่สวยงามและมีสถานที่ท่องเที่ยวมาก บางครั้งนักท่องเที่ยวอาจประสบปัญหา การฉกชิงวิ่งราว และการฉ้อโกง ดังนั้น จึงควรปฏิบัติตนดังนี้
1. ไม่แต่งกายด้วยเครื่องประดับที่มีราคาแพง ล่อตา
2. เก็บหนังสือเดินทาง เงินสด และของมีค่าให้มิดชิดเป็นพิเศษ
3. อย่าแลกเงินกับผู้ที่มาเสนอตามท้องถนนเพราะผิดกฎหมายและอาจถูกโกง แต่ควรแลกจากธนาคารหรือร้านแลกเงินที่มีอยู่ทั่วไป และขอใบเสร็จทุกครั้งที่แลกเงิน เพื่อเป็นหลักฐานในการแลกเงินกลับคืนตอนออกนอกประเทศ
4. เมื่ออยู่ในที่ชุมชนสาธารณะ และแหล่งท่องเที่ยวทั่วไปให้ใช้ความระมัดระวัง และหากมีกลุ่มคนเพ่งมองผิดปกติอย่าเข้ามาใกล้ให้ถอยห่างไป
5. หากมีบุคคลนอกเครื่องแบบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปฏิเสธ โดยแจ้งว่าขอให้ตำรวจในเครื่องแบบเป็นผู้ตรวจ หรือขอติดต่อสถานเอกอัครราชทูตไทยก่อน เพราะในบูดาเปสต์มักเกิดกรณีเช่นนี้อยู่เสมอ โดยปกติเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่จะแต่งเครื่องแบบ เสมอ
6. ก่อนเดินทางไป ณ ที่ใด ควรศึกษาเส้นทางจากแผนที่ให้เข้าใจ โดยขอรับแผนที่ได้จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่มีอยู่ทั่วไป
7. ก่อนใช้บริการขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์ รถราง รถใต้ดิน ให้ซื้อตั๋วก่อนทุกครั้ง ตั๋วชนิดเดียวกันสามารถใช้ได้กับทั้งรถเมล์ รถราง และรถใต้ดิน
8. หากใช้บริการแท็กซี่ ควรใช้แท็กซี่ของบริษัทซึ่งสามารถโทรศัพท์เรียกได้ และคิดราคาตามมิเตอร์ หากเรียกแท็กซี่ตามป้ายทั่วไป ให้สอบถามราคาก่อนและควรเรียกใบเสร็จรับเงินทุกครั้ง
สาระน่ารู้ เที่ยวฮังการี
หากท่านจะอยู่อาศัยในประเทศฮังการี เป็นระยะเวลานาน โปรดแจ้งชื่อ และที่อยู่ ต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อประโยชน์ในการติดต่อ หรือให้ความช่วยเหลือในกรณีจำเป็น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงบูดาเปสต์ (Office of Commercial Affairs) Jozsefhegyi ut. 28-30 No.A/1 1025 Budapest. โทรศัพท์ (361) 2122738, 2125358 โทรสาร (361) 2122736 E-mail : Thaicommbp@mail.datanet
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูดาเปสต์ (Royal Thai Embassy) Verecke Ut. 79 1025 Budapest โทรศัพท์ (361) 4384020 โทรสาร (361) 4384023, 4384027 (เวลา 09.00 – 12.00 น. และ 13.00 – 16.30 น. จันทร์-ศุกร์) E-mail : thaiemba@mail.datanet.hu * เสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ ติดต่อ นางวนิดา สุวรรณคีรี อัครราชทูตที่ปรึกษา โทรศัพท์ (361) 2126860
นายพิสิฏฐ์ พิชิตมาร เลขานุการเอก (ฝ่ายกงสุล) โทรศัพท์ (361) 3944474 (ณ พ.ศ. 2543) กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ โทรศัพท์ 981 7171 โทรสาร 575 1038

ข้อมูลจาก : http://travel.mthai.com/

ฮอกไกโด เที่ยวฤดูไหนได้บ้าง? (Hokkaido, Japan)

ฮอกไกโด (Hokkaido) เกาะที่ชื่อคุ้นหูแห่งนี้ อยู่ทางเหนือสุดของญี่ปุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่เพิ่งจะมาเป็ที่นิยมมากๆ ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย เมื่อไม่นานมานี้ ก็ด้วยเหตุผลหลายๆ ข้อคือ รูปของทุ่งดอกไม้ห้าสี (ทุ่งดอกไม้สายรุ้ง) ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ทุ่งพิงค์มอสสีชมพูอร่าม ทุ่งนาสีทองตัดกับสีเขียวสวยงาม ที่โปรโมทบนเว็บ หรือบริษัททัวร์ รวมถึงเทศกาลหิมะที่เมืองซัปโปโรที่อลังการสุดๆ ทำให้กระตุ้นต่อมนักเดินทาง ให้ไปเยือนสักครั้ง
ฮอกไกโด เที่ยวฤดูไหนได้บ้าง?
ฮอกไกโด เที่ยวฤดูไหนได้บ้าง (Hokkaido, Japan)
ว่ากันว่า เราสามารถท่องเที่ยวในเกาะฮอกไกโดได้ทุกฤดู แต่เนื่องจากว่า อากาศที่หนาวเย็น (กว่าที่อื่นๆ) ฤดูของฮอกไกโดก็เลยไม่ค่อยจะตรงกับที่อื่น ที่เราคุ้นเคย ดังนั้น เรามาดูสถานที่น่าเที่ยวและเทศกาลในแต่ละฤดูกันดีกว่า
japansnow
ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) (ฟุยุ)
ในฤดูนี้ เป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็นมาก และบางเดือน เช่น ระหว่างเดือน ธันวาคม-กุมภาพันธ์ ก็จะมีหิมะตกหนา ถ้าตั้งใจจะไปชมหิมะและสัมผัสอากาศเย็น ก็ต้องไม่พลาดช่วงนี้ แต่ก็ต้องทำใจว่า จะต้องแบกเสื้อหนาวไปเต็มอัตรา ในฤดูนี้จะมีการจัดงานเทศกาลหิมะขึ้นในหลายๆ เมือง ที่ใหญ่แะมีชื่อเสียงเก่าแก่ที่สุดก็คือ เทศกาลหิมะเมืองซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) ซึ่งจัดติดต่อกันมานานกว่า 60 ปีแล้ว มีคนไปดูงานนี้ปีละนับล้านคน และยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่เล่นกับหิมะได้อีกมากมายในที่ต่างๆ นอกเมือง เช่น ตามรีสอร์ทต่างๆ ได้แก่ การตกปลา เลื่อนหิมะ เล่นสกี และอื่นๆ
Untitled-17
ฤดูหนาวนี้ กลางวันจะสั้นกว่าปกติ คือประมาณ 4 โมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ จะปิดเร็วกว่าเดิมประมาณ 1 ชม. และสถานที่กลางแจ้ง เช่น สวนต่างๆ ส่วนมากจะมีหิมะปกคลุมจนมองไม่เห็นและไม่สะดวกในการเดินทาง เพราะทั้งลื่น เดินยาก และหนาว หากต้องการไปชมสถานที่ไหน เช่น พิพิธภัณฑ์ หรืออาคารประวัติศาสตร์ ที่เปิดให้เข้าชมภายใน ก็ต้องวางแผนกให้ดีว่า ไปแล้วเปิดแน่ และคุ้มกับความลำบากในการเดินทาง เพระาภายนอกอาคารเหล่านั้นอาจไม่มีอะไรให้เห็นเท่าใหร่ มีแต่หิมะกองสูงเท่านั้น
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) (ฮะรุ)
เป็นช่วงที่อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้น ในเดือนเมษายน อากาศจะยังค่อนข้างเย็นอยู่ และหิมะอาจยังละลายไม่หมด นับเป็นเดือนที่คนมาเที่ยวกันน้อยที่สุด อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นราวๆ เดือนพฤษภาคม ซึ่งจะสามารถชมซากุระได้ในเมืองทางใต้ของเกาะ เช่น ฮาโกดาเตะ มัตสิมาเอะ (ซึ่งช้ากว่าที่โตเกียวประมาณ 1 เดือน พอดีกับวันหยุดยาวต้นเดือนพฤษภาคมในบ้านเรา แต่ระวังว่า ตรงกับเทศกาลวันหยุดยาว หรือ Golden Week ของญี่ป่นด้วย ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเยอะมากในสัปดาห์นี้) รวมทั้งทางตอนกลางเกาะก็สามารถชมซากุระได้เช่นกัน ส่วนตอนบนแถบเมืองมอนเบ็ทสิ มีดอกทิวลิปและดอกพิงค์มอสในช่วง พฤษภาคม-มิถุนายน
ทุ่งดอกไม้สายรุ้งภาพ ทุ่งดอกไม้สายรุ้ง จาก taifahuniverse
ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) (นัสสึ)
แถบเมืองฟุระโนะ ช่วงเดือน มิ.ย., ก.ค., ส.ค. มีดอกลาเวนเดอร์และทุ่งดอกไม้หลากสีออกมาให้ได้ชมกัน เมืองบิเอ (Biei) มีทุ่งนาสีทองตัดกับสีเขียว และเนินเขา ทิ้วไม้ที่สวยงาม สามารถขี่จักรยานเที่ยวชมได้ และยังมีที่อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งช่วงนี้นับว่าเป็นช่วงไฮไลท์ของเกาะฮอกไกโด ที่นักท่องเที่ยวจะมากันมากที่สุด เพราะนอกจากอากาศจะกำลังสบาย ไม่ต้องแบกเสื้อหนาวพะรุงพะรังแล้ว ช่วงกลางวันยังยาวนานกว่ากลางคืน พระอาทิตย์ตกช้า ประมาณสองทุ่ม ทำให้มีเวลาเที่ยวได้มากในแต่ละวัน
autumn
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) (อะคิ)
ในช่วงเดือน กันยายน – พฤศจิกายน อากาศจะเริ่มเย็นลง สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้หลายที่ เช่น Sounkyo, Akadake และ Ginsendai ในอุทยานแห่งชาติ Daisetsuzan เมือง Jozankei เมืองอาบน้ำแร่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซัปโปโร สวนโอนุมะทางเหนือของเมืองฮาโกดาเตะ เป็นต้น ช่วงที่เหมาะที่สุดจะเป็นเดือน ตุลาคม

ไปฮอกไกโดแล้วต้องลอง

winter-hokkaido
- เล่นหิมะฮอกไกโดขึ้นชื่อเรื่องอากาศหนาวและเทศกาลหิมะ ดังนั้นถ้าไปถูกฤดูแล้วก็ต้องได้เจอหิมะมากมาย ลองหาโอกาศ ออกไปเดินย่ำหิมะ ดูทิวทัศน์ที่ขาวโพลนแบบที่หาไม่ได้ในบ้านเรา หรือถ้าไปงานเทศกาลหรือรีสอาร์ท ก็อาจได้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น นั่งรถเลื่อน ตกปลาบนน้ำแข็ง
- ลงเรือ
ล่องทะเลสาบที่มีอยู่มากมายบนเกาะ หรือเมืองชายฝั่งบางเมืองก็มีเรือชมวิวรอบอ่าวดวย และถ้ามาเยือนชายฝั่งทะเลโอคอทส์ก์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือในช่วง ก.พ.-มี.ค. ก็อาจลงเรือตัดน้ำแข็ง ออกไปชมทะเลที่กลายเป็นแพน้ำแข็งและก้อนน้ำแข็งที่ลอยมาจากขั้วโลกเหนือได้ (Drift ice)
- ขึ้นเขา
ฮอกไกโดมีจุดชมวิวบนยอดเขามากมาย ที่มีรถกระเช้าให้บริการก็นับสิบแห่ง บางแห่งที่อยู่ไกลเมืองก็ชมได้เฉพาะกลางวัน แต่ถ้าจำเป็นที่ใกล้เมือง เช่น ฮาโกดาเตอะ ซับโปโร โอตารุ ก็สามารถชมวิวที่มีแสดงไฟระยิบระยับจากเมืองข้างล่างในช่วงค่ำได้ด้วย
- ชิมของอร่อย
ฮอกไกโดได้ชื่อว่า “ครัวของญี่ปุ่น” มาถึงแล้วต้องลองของอร่อย ไม่ว่าจะเป็นปูยักษ์ หรืออาหารทะเลอื่นๆ เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ไข่ปลาแซลมอน ไข่หอยเม่น (ที่ถูกต้องเรียกว่า “เม่นทะเล” เพราะมันไม่ใช่หอย แต่เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับปลาดาว) นอกจากนี้ยังมีชื่อด้านผลิตภัณฑ์จากวัว ทั้งนมวัว เนย ครีม ชีส ไปจนถึงเนื้อวัว และเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น พืชผักผลไม้เมืองหนาวต่างๆ จึงอุดมสมบูรณ์และมีรสชาติดี
ไปฮอกไกโดแล้วต้องลองชิมอาาหารภาพโดย rayiu : Flickr
ถ้าไปฤดูหนาว ไม่ควรพลาด กับ Sapporo Snow Festival.
Snow Festival.
Sapporo Snow Festival. Photo by City of Sapporo
otaru-canelคลอง Otaru / ภาพโดย rayiu
summer-colorสีสันฤดูร้อน ที่ ฮอกไกโด
เที่ยวญี่ปุ่น ชมทุ่งดอกไม้หลากสี ที่ ฮอกไกโด
สวนพิงค์มอส Moss pink, or shibazakura,
สวนพิงค์มอส ภาพจาก Flickr : highglosshighs
hokkaido-by-panoramio-75898919
ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ฮอกไกโด ญี่ปุ่น
ฤดูต่างๆ ในญี่ปุ่น เป็นประมาณนี้นะคะซึ่งอาจะไม่ได้ตรงเดือนเป๊ะๆ เหมือนอย่างที่เราพูดไป แต่อาจจะเริ่มฤดูใหม่ตอนกลางเดือน ปลายเดือน ก็ได้ค่ะ
japan-season
ภาพฤดูต่างๆ www.japankiku.com/tour/season.html
แผนที่เกาะฮอกไกโด
hokkaido-map

ข้อมูลจาก : http://travel.mthai.com/

ตามรอยหนัง “เดอะ ฮอบบิท” ที่ นิวซีแลนด์

วิวทิวทัศน์ นิวซีแลนด์
นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่มีธรรมชาติงดงามที่ไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ ทำให้กลายเป็นประเทศที่เข้าตาบรรดานักสร้างภาพยนตร์ ซึ่งรวมถึงปีเตอร์ แจ็คสัน ผู้กำกับภาพยนตร์ “เดอะ ลอร์ด อฟ เดอะ ริงส์” ไตรภาค โดยเป็นประเทศที่มีภูมิทัศน์ที่เข้าถึงได้ และมีความงดงามตระการตา การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์จึงขอเชิญชวนผู้หลงใหลเสน่ห์แดนกีวีได้ตามรอย  ภาพยนตร์ “เดอะ ฮอบบิท” ในสถานที่ต่างๆต่อไปนี้
มาตามาตา ภูมิภาคไวกาโต
มาตามาตา ภูมิภาคไวกาโต (Matamata, Waikato Region)
แฟนๆ ภาพยนตร์เรื่องเดอะฮอบบิท สามารถเริ่มต้นการเดินทางผ่าน “มัชฌิมโลก” ได้เช่นเดียวกับบิลโบ ที่ Hobbiton Movie Set Tours ใกล้กับเมืองแห่งการทำฟาร์มของมาตามาตา ในภูมิภาคไวกาโต ซึ่งตั้งอยู่ทางเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ ทัวร์ที่ Hobbiton Movie Set Tour
แม่น้ำฟางกานุย
แม่น้ำฟางกานุย (Whanganui River)
เยติ ทัวร์ (Yeti Tours)  จัดทริปพายเรือคายัคล่องแม่น้ำฟางกานุยจากภูเขาไฟรัวเปฮู (Ruapehu) (ซึ่งใช้ในการถ่ายทำ “หุบเขาแห่งมอร์ดอร์” ในภาพยนตร์เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง ไตรภาค) ไปยังทะเลทัสมาน ในทริปค้างคืนนี้ ผู้มาเยือนจะได้ดำดิ่งลงในห้วงแห่งธรรมชาติ และค้างคืนในป่าเขาที่รายล้อมไปด้วยนกในท้องถิ่นซึ่งรวมถึงนกกีวี  หรือถ้าหากว่าคุณชื่นชอบการนั่งพักผ่อนใกล้กองไฟพร้อมไวน์ในมือ ผู้มาเยือนยังสามารถเลือกค้างหนึ่งหรือสามคืนที่ Powderhorn Chalet ในโอฮา
แนวเขา คูเน
คูเน (Ohakune)เส้นทางพาสเบิร์น ควีนสทาวน์/เกลนอร์ชี (Passburn Track, Queenstown/Glenorchy)ข้ามมาทางฝั่งเกาะใต้ พาสเบิร์นถูกใช้เป็นเส้นทางไปยังหุบเขาแห่งม่านหมอก (Misty Mountains) และสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อยู่บนดินแดนที่มีชนเผ่าเมารี เผ่าไง ทาฮู ของประเทศนิวซีแลนด์เป็นเจ้าของ และบริหารจัดการโดยกรมการอนุรักษ์ แต่สามารถเข้าถึงได้โดยสาธารณะ เส้นทางปีนเขาใช้ระยะเวลา 3 – 4 วัน ผ่านทิวทัศน์ที่หลากหลายของภูเขา ทะเลสาบ ป่าบีช และทุ่งหญ้า หรือขึ้นสำรวจท้องฟ้า ด้วยบริการจากบริษัทเฮลิคอปเตอร์ในท้องถิ่น อาทิ เฮลิเวิร์ค หรือ กลาเซียร์ เซาท์เทิร์น เลคส์ เฮลิคอปเตอร์ (Glacier Southern Lakes Helicopters)  ซึ่งได้พานักแสดงและทีมงานเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ด้วย
อุทยานแห่งชาติฟยอร์ดแลนด์
อุทยานแห่งชาติฟยอร์ดแลนด์ (Fiordland National Park)
อุทยานแห่งชาติฟยอร์ดแลนด์เป็นอีกหนึ่งทำเลที่ใช้ในภาพยนตร์เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง และได้รับการมาเยือนอีกครั้งกับการถ่ายทำฉากที่เน้นทัศนียภาพอลังการในภาพยนตร์เดอะ ฮอบบิท ไตรภาคนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปยังส่วนที่เป็นป่าเขาด้วยบริการจากบริษัททัวร์อันหลากหลาย เช่น  เรียล เจอร์นีย์ส (Real Journeys) ซึ่งมอบตัวเลือกทัวร์ไปลงที่มิลฟอร์ด (Milford) หรือเดาบต์ฟูล ซาวนด์ (Doubtful Sound) และล่องเรือผ่านฟยอร์ดเพื่อสัมผัสประการณ์แบบใกล้ชิดกับน้ำตกอันงดงามหรือบรรดาสัตว์ป่า อย่างเช่น ฝูงนกหรือโลมาขี้เล่น
วานากา ควีนสทาวน์
วานากา ควีนสทาวน์ (Wanaka, Queenstown)
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกจบการผจญภัยในมัชฌิมโลกในวานากา เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ซึ่งอยู่ห่างจากควีนสทาวน์ไป 40 นาทีโดยการเดินทางด้วยรถยนต์ลานสกีเทรบเบิ้ล โคน (Treble Cone Ski Area) ใช้ในการถ่ายทำ “หนทางสู่หุบเขาแห่งม่านหมอก” (Misty Mountain pathways) ในภาพยนตร์เรื่องเดอะ ฮอบบิท: การผจญภัยสุดคาดคิด และเป็นลานสกีระดับชั้นนำของโลก ที่ขึ้นชื่อด้วยภูมิประเทศที่ปิดกั้นสำหรับเล่นสกีและวิวทะเลสาบวานากาและภูมิภาคโอตาโกตอนกลางที่งดงามไม่มีใครเทียบได้
สถานที่อื่นๆ ที่ใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่
เทือกเขามางาโอทากิ ปิโยปิโย
เทือกเขามางาโอทากิ ปิโยปิโย (Mangaotaki Rocks, PioPio) – นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมสถานที่ท่องเที่ยวหรือผจญภัยที่ถ้ำไวโทโมที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งรวมถึงการเดินทัวร์ชมถ้ำสบายๆ การโรยตัวจากหน้าผา การปีนเขาและการล่องแก่งสุดระทึก หน้าผาโรยตัวสูงที่สุดของนิวซีแลนด์ที่มีความสูงถึง 100 เมตร ลาดยาวไปสู่ “The Lost World”
เนลสัน
สถานีไกโฮคา เนลสัน (Kaihoka Station, Nelson) – ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสประสบการณ์สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ด้วยการเดินทางด้วยม้า ที่แหลมแฟร์เวลล์ (Cape Farewell Horse Treks) โดยเดินทางข้ามที่ดินทำฟาร์มส่วนบุคคลไปยังยอดสุดของหน้าผาอันตระการตาที่บรรดาสหายฮอบบิทเดินทางผ่านแนวสันเขาที่ลึกชัน (Weatherhills Trees & Rocks) ซึ่งมองเห็นวิวชายฝั่งที่น่าทึ่งของอ่าวโกลเด้น เบย์
ทะเลสาบพูคากากิ
สถานีแบรมาร์ ทะเลสาบพูคากากิ (Braemar Station, Lake Pukaki) – นักท่องเที่ยวสามารถพักที่สถานี (เช่นเดียวกับทีมงานภาพยนตร์เดอะ ฮอบบิท ไตรภาค) และเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่างๆ ซึ่งรวมถึงการช่วยทำฟาร์ม ตกปลา ปั่นจักรยาน หรือการนั่งปิกนิคเงียบๆ ริมทะเลสาบ
เอิร์นสลอว์ เบิร์น ควีนสทาวน์
เอิร์นสลอว์ เบิร์น ควีนสทาวน์ (Earnslaw Burn, Queenstown) – กำแพงแกรนิตสูงชันกว่า 800 เมตรจากพื้นที่แอ่งน้ำ พร้อมกับธารน้ำแข็งที่ไหลลงมาดุจน้ำตกจากบนหน้าผาและจับตัวเป็นถ้ำน้ำแข็งด้านล่าง ซึ่งจะละลายไปในช่วงฤดูร้อน กลายเป็นน้ำตกหลาย 10 แห่ง
โอตาโกตอนกลาง
โอตาโกตอนกลาง (Central Otago) – สองทำเลที่อยู่ไกลออกไปคือ สถานีคลิฟเดนในหุบเขาไอด้า และฮาร์ตฟิลด์ที่มิดเดิลมาร์ชในโอตาโกตอนกลาง ยังเป็นสถานที่ที่มอบภูมิทัศน์งดงามให้แก่ภาพยนตร์เรื่องเดอะฮอบบิท:  การผจญภัยสุดคาดคิด ที่ออร์คและวาร์ก ออกล่าสหายฮอบบิท
วิวทิวทัศน์ Wanaka, Queenstown
จากการออกสำรวจผ่านเขตชนบทเขียวขจีที่กองถ่ายภาพยนตร์ฮอบบิทในมาตามาตาบนเกาะเหนือ ไปยังการบินข้ามน้ำตกสุดอลังการและหน้าผาสูงชันในอุทยานแห่งชาติฟยอร์ดแลนด์ทางฝั่งตะวันตกของเกาะใต้ ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าประเทศนิวซีแลนด์มีประสบการณ์แห่งมัชฌิมโลกที่รอให้ทุกคนได้สัมผัส

พุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ ตามรอยพระพุทธเจ้า

พุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้

ตามรอยพระพุทธเจ้า ที่อินเดีย

           การเดินทางครั้งนี้เพื่อ ฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เราไปนมัสการสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ที่ อินเดีย-เนปาล 8 วัน เราไปลงเครื่องที่ กัลกัตต้า ซึ่งต้องนั่งรถโค้ชอีก 8-9 ชั่วโมงเพื่อที่จะไปพุทธคยา
ครั้นเมื่อ พระพุทธเจ้าเล่าเหตุประชุมเทวดาแล้ว พระอานนท์ก็กราบทูลถามต่อไปว่า ในกาลก่อน ภิกษุทั้งหลายที่จำพรรษาอยู่ในทิศต่างๆ เมื่อสิ้นพรรษาแล้วต่างเดินทางมาเฝ้าพระตถาคตเป็นอาจิณณวัตร ถ้าพระพุทธองค์ดับขันธปรินิพพานไปแล้ว บรรดาภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจะไปยังที่ใด
“อานนท์ สถานที่อันเป็นเหตุให้ระลึกถึงเราก็มีอยู่คือ
1.สถานที่ที่เราประสูติแล้ว คือ ลุมพินีวันสถาน
2.สถานที่ที่เราตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ บรรลุความรู้อันประเสริฐ ทำกิเลสสิ้นไป คือ โพธิมลฑล ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม
3.สถาที่ที่เราตั้งอาณาจักรแห่งธรรมขึ้นเป็นครั้งแรก คือ อิสิปตนมฤคทายวัน แขวงพาราณสี
4.สถานที่ที่เราจะนิพพาน ณ บัดนี้ คือ ป่าไม้สาละ ณ นครกุสินารา
สถานที่ทั้งสี่แห่งนี้ เป็นสังเวชนียสถาน สาราณียสถาน สำหรับให้ระลึกถึงเราและเดินตามรอยบาทแห่งเรา
ดู ก่อนอานนท์ สถานที่ทั้งสี่ตำบลนี้แล ควรที่พุทธบริษัท คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้มีความเชื่อ ความเลื่อมใสในตถาคตเจ้า จะดู จะเห็น และควรจะให้เกิดธรรมสังเวชทั่วกัน
ก็ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ มีจิตเลื่อมใสแล้ว ครั้นทำกาลกิริยาลงชนเหล่านั้นทั้งหมด เบื้องหน้าแต่ความตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสู่คติโลกสวรรค์”

พระมหาเจดีย์พุทธคยา
พระมหาเจดีย์พุทธคยา ก่อสร้างด้วยหินทรายสีน้ำตาล ลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส พระหุวิชกะ ทรงสร้างต่อจากสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช และได้มีการบูรณะซ่อมแซมเรื่อยมา
พระพุทธเมตตา
วิหารมหาโพธิ์ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักด้วยหิน มีอายุประมาณ 1,400 ปี องค์พระพุทธรูปทาด้วยสีทองงดงามมาก ชื่อว่า “พระพุทธเมตตา”
ต้นพระศรีมหาโพธิ์
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นสถานที่ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับนั่งตรัสรู้ ซึ่งปัจจุบันต้นโพธิ์ต้นนี้ เป็นต้นที่ 4 จากหน่อเดิม
พุทธชยันตี 2600 ปี
ตรงนี้คือบริเวณโดยรอบ วิหารมหาโพธิ์ จะสังเกตว่าเป็นงานแกะสลักที่สวยงามและละเอียดมากๆ
พุทธชยันตี 2600 ปี
พุทธชยันตี 2600 ปี
พระแท่นวัชรอาสน์
พระแท่นวัชรอาสน์ ที่ประทับนั่งตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ในครั้งนั้น พระพุทธองค์ทรงใช้หญ้ากุสะ 8 กำมือที่โสตถิยะพราหมณ์ นำมาถวายจึงปูลาดนั่งเมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว บัลลังก์ที่ประทับนั่งจึงถูกเรียกว่า รัตนบัลลังก์
ธัมเมกขสถูป
ธัมเมกขสถูป สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมกัณฑ์แรก คือ ”ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร” แสดงเพื่อโปรดปัญจวัคคีย์ เมื่อแสดงธรรมจบลง พระอัญญาโกณฑัญญะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม และขออุปสมบทเป็นภิกษุรูปแรก
พุทธชยันตี 2600 ปี
สถานที่ประสูติ ของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พุทธชยันตี 2600 ปี
เสาหินหลักศิลา เป็นที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างไว้ เพื่อแสดงว่าสถานที่ตรงนี้เป็นที่ประสูติของพระพุทธเจ้า
พุทธชยันตี 2600 ปี
พุทธชยันตี 2600 ปี
วัดไทยลุมพินี ที่ เนปาล
พุทธชยันตี 2600 ปี
บ้านนางสุชาดา นางสุชาดาเป็นผู้ถวายข้าวมธุปายาส แด่พระพุทธเจ้าที่ใต้ต้นไทร
พุทธชยันตี 2600 ปี
นางสุชาดาได้เคยบนไว้ว่าหากตนเองได้แต่งงานกับชายที่มีชาติเสมอกัน และได้ลูกชายเป็นคนแรก ก็จะมาแก้บน ซึ่งอาหารมื้อนี้เป็นมิ้อก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ จึงถือได้ว่าบุญอย่างสูงที่สุด
พุทธชยันตี 2600 ปี
ไม่ว่าจะไปที่ใดสิ่งที่เราต้องพบเจอตลอดการเดินทางคือขอทาน ไม่ว่าจะเป็น เด็กเล็กๆ คนแก่ คนตาบอด ก็จะมาเดินขอทานแบบนี้ ประเทศเขาถือว่าไม่ผิดกฎหมาย
พุทธชยันตี 2600 ปี
แม่น้ำเนรัญชรา สถานที่พระพุทธองค์ลอยถาดทองแล้วทรงอธิษฐานว่า “ถ้าแม้จะได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมโพธิญาณแล้วไซร้ ก็ขอให้ถาดทองนี้ จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป” แล้วถาดนั้นก็ลอยทวนกระแสน้ำจริงๆ แม่น้ำเนรัญชรา ในช่วงนี้ น้ำแห้งไปหมดเหลืออยู่แต่สันทรายเท่านั้น เกือบจะไม่เป็นร่องน้ำหรือทางให้น้ำไหลเลย
พุทธชยันตี 2600 ปี
พุทธชยันตี 2600 ปี
พระพุทธรูปใหญ่ “ไดบุสึ” ณ วัดญี่ปุ่น ในอาณาเขตวัดนานาชาติ  ที่จำลองมาได้งดงามเสมือนองค์จริงที่ประเทศญี่ปุ่น
พุทธชยันตี 2600 ปี
รอยเกวียน อายุสองพันกว่าปีที่ใช้เป็นเส้นทางในการเดินทางค้าขายตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
พุทธชยันตี 2600 ปี
มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลกที่เคยรุ่งเรือง และยิ่งใหญ่มานานกว่าพันปี และถูกทำลายโดยทหารอิสลาม เพียงไม่กี่ร้อยคน
พุทธชยันตี 2600 ปี
มหาวิทยาลัยนาลันทา
มหาวิทยาลัยนาลันทา
มหาวิทยาลัยนาลันทา
สารีริกธาตุพระสถูปเจดีย์
สารีริกธาตุพระสถูปเจดีย์ ซึ่งตามหลักฐานโบราณคดียืนยันว่าเป็น  สถูปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้ขอแบ่งจากกุสินารา
พุทธชยันตี 2600 ปี
หลักศิลา สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช คนไทยจึงเรียกว่า เสาอโสก เป็นเสาหินทรายขัดมัน มีเจดีย์ตรั้งอยู่เรียงรายรอบเสาหินของพระเจ้าอโศก บนเสาหินมีรูปสิงโต
พุทธชยันตี 2600 ปี
กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน” ที่ประทับแห่งพุทธองค์ คราวประทับ ณ เมืองเวสาลี และที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่พระพุทธองค์ทรงประทานการบวชให้นางปชาบดีโคตมี และ เหล่าศากิยานี อีก 500 นาง ซึ่งถือเป็นการบวช“ภิกษุณี” ในพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก
เสาอโศก
“เสาอโศก” ที่ยังคงความสมบุรณ์ที่สุดในประเทศอินเดีย
พุทธชยันตี 2600 ปี
พุทธชยันตี 2600 ปี
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เป็นวัดไทยในอินเดียที่ใหญ่ และ สวยงามมาก
พุทธชยันตี 2600 ปี
มีพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐาน ที่ด้านหน้าอุโบสถ
ต้นสาละ
ต้นสาละ 2 ต้นคู่กัน ตรงหน้าสถูปปรินิพพาน
ปรินิพพานสถูป
เมืองกุสินารา เป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน สถูปปรินิพพาน มีลักษณะเป็นทรงบาตรคว่ำสูงใหญ่มีฉัตร 3 ชั้น ถัดมาเป็น วิหารปรินิพพาน ภายในมีพระพุทธรูปปางไสยยาสน์ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานขนาดใหญ่
ปรินิพพานสถูป
วิหารปรินิพพาน ภายในมีพระพุทธรูปปางปรินิพพานขนาดใหญ่ อายุราว 1,500 ปี คนส่วนใหญ่นิยมถวายผ้าห่มและปิดทองที่ฝ่าพระบาท ไม่ควรปิดทองที่พระพักตร์
ปรินิพพานสถูป
ตรงนี้ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ต้องสวดมนต์เหมือนทุกที่ พอเริ่มบทสวด “องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร …”
พอถึงตรงนี้น้ำตาก็เริ่มไหล ก็พยายามที่จะกลั้นไว้แต่น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาไม่หยุด เมื่อสวดไปแล้วแปลตามไปด้วยเลย เป็นความรู้สึกที่ว่าซาบซึ้งในพระทัยของพระพุทธเจ้าที่ทรงพยายามหาทางให้หมู่สรรพสัตว์พ้นทุกข์ บรรยากาศในนั้นเป็นวิหารเสียงสวดจึงก้องมากๆ คนอื่นก็มีน้ำตาซึมไปตามๆกัน
พระอานนท์
แอบสังเกตว่าที่ใต้พระแท่นคนที่เศร้าโศกเสียใจคนนี้คือใครกัน? ท่านคือพระอานนท์นั่นเอง
มกุฎพันธนเจดีย์
มกุฎพันธนเจดีย์  สถานที่ถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธองค์  ซึ่งปัจจุบันเป็นซากเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่
โรงแรม อินเดีย
ขอปิดท้ายด้วยที่พักใน ประเทศอินเดีย หน้าตาดูดีเลยล่ะค่ะ โรงแรมชื่อว่า “ดิ อิมพีเรียล”
ปลั๊ก อินเดีย
ใครจะเดินทางไปอย่าลืมปลั๊กต่อไปด้วย แต่โรงแรมนี้เพิ่งสร้างใหม่จึงมีปลั๊กให้เลือก 2 แบบ ไม่ต้องใช้ปลั๊กต่อเลยล่ะค่ะ
       การเดินทางครั้งนี้ขอบอกว่าประทับใจมาก มานั่งคุยกะคุณแม่และน้อง สรุปตรงกันว่าอยากกลับไปอีก อาจจะด้วยเพราะเพื่อนร่วมการเดินทางครั้งนี้ที่ทำให้เรามีแต่เสียงหัวเราะ ความสุข และอิ่มบุญ เพราะสถานที่ที่เดินทางไปทุกที่จะต้องสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิ สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็นกันบนรถเลยทีเดียว แต่ก็มีความสุขทุกครั้งที่สวดมนต์ ขอให้ชาวพุทธทุกท่านควรไปนมัสการสังเวชนียสถาน 4 แห่ง สักครั้งในชีวิต แล้วจะไม่เสียทีที่เกิดเป็นชาวพุทธจริงๆค่ะ…