วัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติงดงาม และเต็มไปด้วยเรื่องราวศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวพุทธไม่ควรพลาดไปสักการะสักครั้งหนึ่งในชีวิต กันที่ วัดคิโยมิสึ หรือ วัดธารน้ำใส
วัดคิโยมิสึ หรือ วัดธารน้ำใส (Kiyomizu-dera หรือ Kiyomizu Temple) เป็นวัดพุทธศาสนาอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ตั้งอยู่ทางตะวันออกของนครเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น มีความงดงามทั้งด้านสถาปัตยกรรมและทัศนียภาพแวดล้อม เป็นสถานที่พึ่งทางจิตใจสำคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
วัดคิโยมิสึ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ขึ้นชื่อของเกียวโต ทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณเนินเขา ฮิงาชิยามะ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ส.798 มีอายุเก่าแก่กว่านครเกียวโต แต่สิ่งปลูกสร้างที่ปรากฏในปัจจุบันหลายส่วนสร้างขึ้นในช่วงที่มีการบูรณะวัดเมื่อปี ค.ศ.1633 เช่น ประตูทางเข้าสีแดงทางทิศตะวันตก (West Gate) และเจดีย์ 3 ชั้น เป็นต้น
วัดคิโยมิสึ เป็นที่รู้จักในชื่อ ” วัดธารน้ำใส ” ตั้งตามสภาพของสายน้ำในลำธารธรรมชาติที่อยู่ใกล้เคียง โดยคำว่า “Kiyomizu” ในภาษาญี่ปุ่น หมายถึง น้ำใส หรือน้ำบริสุทธิ์ พุทธศาสนสถานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และได้เข้ารอบสุดท้ายเป็น 1 ใน 21 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
สถาปัตยกรรมเด่นของวัดคิโยมิสึ คือ วิหารใหญ่ (Hon-do) ตั้งอยู่บนไหล่เขา มีการสร้างเฉลียงไม้กว้างยื่นออกไปเหนือหุบเหวอย่างน่าอัศจรรย์ โดยใช้เสาต้นซุงขนาดใหญ่หลายร้อยต้นรองรับ ที่สำคัญคือ การก่อสร้างไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว แต่ใช้วิธีการเข้าลิ่มด้วยภูมิปัญญาชาวญี่ปุ่นโบราณ
เฉลียงไม้ เป็นศิลปะที่งดงาม คุ้มค่ากับการไปเยี่ยมชม และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพสวยงามของเกียวโตได้กว้างไกล นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงนิยมถ่ายภาพมุมนี้ไว้เป็นที่ระลึก ชาวญี่ปุ่นจะเปรียบเทียบผู้ที่ต้องทำสิ่งที่เสี่ยงครั้งสำคัญในชีวิตว่า เหมือนกับการกระโดดลงจากเฉลียงไม้แห่งนี้ โดยคำพังเพยนี้มีที่มาตั้งแต่สมัยเอโดะ ที่มีประเพณีกระโดดลงจากระเบียงสูงแห่งนี้ เชื่อกันว่าถ้ารอดตายจะได้รับพรให้คำอธิษฐานเป็นจริง 1 ประการ อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์กันว่า ผู้ที่กระโดดไปแล้ว จะมีโอการรอดชีวิตสูง เพราะแปลงผักเขียวชอุ่มด้านล่างจะเป็นเบาะรองรับร่างอย่างละมุมละม่อม โดยยุคเอโดะ มีผู้ใจกล้าเสี่ยงกระโดดลงไปประมาณ 200 กว่าคน และรอดชีวิตประมาณ 84% ปัจจุบันมีระเบียบห้ามประเพณีทดสอบความกล้านี้แล้ว
ใต้วิหารใหญ่มีธารน้ำตกศักดิ์สิทธิ์ 3 สาย ไหลลงไปในบ่อน้ำ ผู้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มักจะดื่มน้ำขอพรให้สุขภาพอนามัยแข็งแรง เชื่อกันว่าน้ำแห่งนี้เป็นยาอายุวัฒนะ มีสรรพคุณบำบัดโรคต่างๆ การตักน้ำดื่ม ใช่ได้ทั้งกระบวยโลหะ และถ้วยพลาสติกที่มีขายเป็นของที่ระลึก โดยมีตำนานเชื่อกันต่อมาว่า ถ้าได้ดื่มน้ำทั้ง 3 สาย จะประสบความสำเร็จตามปรารถนาทั้งเรื่องการเรียน และในหน้าที่การงาน รวมทั้งช่วยให้สุขภาพอนามัยดี มีอายุยืนยาว
ภายในบริเวณวัด มีศาลเจ้าหลายแห่ง แต่มีศาลเจ้าชินโตที่รู้จักกันมากที่สุดคือ ศาลเจ้าจิชู (Jishu-jinja) สร้างเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าโอคุนินุชิโนะ (Okuninushino Mikoto) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก และชีวิตสมรสที่เปี่ยมสุข ทางเข้าศาลเจ้า สร้างเป็นชุ้มประตูโทริอิ (Torii) ขนาดใหญ่ การเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาล จะต้องชำระล้างมือให้สะอาดที่บ่อน้ำมังกร (Dragon Fountain) ซึ่งสร้างภายหลัง ในปี ค.ศ. 1861
นอกจากนั้น บริเวณศาลเจ้ายังมีหินเสี่ยงทายความรัก 2 ก้อน ตังอยู่ห่างกัน 18 เมตร เสี่ยงทายด้วยการหลับตาเดินไปแตะหินอีกก้อน ถ้าสามารถเดินไปแตะหินโดยไม่ลืมตาขึ้นมาก่อน มีความเชื่อว่าความรักและชีวิตคู่จะสุขยั่งยืน ถ้าผู้ไปสักการะศาลเจ้าเป็นโสด และเสี่ยงทายโดยเดินไปแตะหินอีกก้อนสำเร็จ มีความเชื่อว่ากำลังจะพบเนื้อคู่ ทำให้การเสี่ยงทายแตะหินเป็นที่นิยมของวัยรุ่นชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวทั่วไป นอกจากที่ระบุแล้ว วัดคิโยมิสึ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น เจดีย์ ระฆัง รูปปั้นหิน และแผ่นไม้ขอพร (ไม่ใช่เซียมซี) เช่นเดียวกับวัดสำคัญอื่นๆ ที่ชาวญี่ปุ่นนิยมไปทำบุญและขอพร
วัดคิโยมิสึ หรือ วัดธารน้ำใส เป็นสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาของญี่ปุ่น ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง อีกทั้งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่น บนทำเลที่มองทัศนียภาพได้กว้างไกล การไปเยือนสถานที่แห่งนี้ จึงอิ่มบุญและเพลิดเพลินไปกับความงามของธรรมแวดล้อม
ข้อมูลจาก : http://travel.mthai.com/
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น